13 เหรียญ ปรับโฉมใหม่เป็น 13 Coins...ร้านอาหารแห่งความทรงจำ

ชื่อร้านอาหาร 13 เหรียญ นักชิมรุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไปคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ละคนต่างมีความทรงจำกับร้าน 13 เหรียญ แตกต่างกันไป บางคนใช้เป็นร้านอาหารของบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัวทุกวัย บางคนใช้ฝากท้องกินข้าวต้มกลางคืนหลังเลิกงานกะดึก หรือออกจากสถานบันเทิงยามราตรีก่อนกลับบ้าน มีหลากหลายสาขาในย่านต่างๆ ของกรุงเทพฯ ผ่านที่ไหนแวะที่นั่น

แต่ระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ร้านอาหาร 13 เหรียญ ทยอยปิดสาขาลงเรื่อยๆ ชื่อ 13 เหรียญ ค่อยๆ จางหายไปจากวงการร้านอาหาร

ล่าสุด หากผ่านไปใน ‘ซอยสุขุมวิท 49’ มีร้านอาหารทาสีเขียวสดใสอยู่ร้านหนึ่ง แฟนคลับร้านอาหาร 13 เหรียญ’ คงแปลกใจที่เห็นชื่อร้านเขียนด้วยแบบตัวอักษรคุ้นเคย แต่ครั้งนี้เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า 13 Coins”

แม้ไม่ใช่ฟ้อนท์เดิมเป๊ะ แต่ก็มีกลิ่นไอของร้านอาหารในตำนาน เพราะนี่คือร้านอาหาร  13 เหรียญ โฉมใหม่ ทายาทของผู้ก่อตั้งร้านอาหาร  13 เหรียญ ดำเนินงานด้วยตนเอง

คุณกิฟท์ พรวฤณ ทายาทหลังสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี จาก University of Westminster ประเทศอังกฤษ ปริญญาโทสาขาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับมาเมืองไทย

ช่วงเวลานั้น ร้านอาหาร ’13 เหรียญ’ เหลืออยู่ 3 สาขา คือ สาขางามวงศ์วาน สาขาบางใหญ่ และ สาขาพระราม 9

คุณกิฟท์เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ด้วยการเรียนรู้ร้านอาหาร และรับดูแล กองถ่ายทำละคร ที่เข้ามาติดต่อเช่าสถานที่สาขางามวงศ์วานและบางใหญ่เพื่อถ่ายทำละครและมิวสิกวิดีโอ ซึ่งก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด มีการเช่าสถานที่กันเกือบทุกวัน

พ.ศ.2563 เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ภายในครอบครัว  เมื่อคุณ สมชาย นิติวนะกุล เสียชีวิตจากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง

“ตอนนั้นกิฟท์เริ่มคิดแล้วว่าที่สาขาพระราม 9 ด้วยเนื้อที่ 14 ไร่ ใหญ่เกินไป มีทั้งรีสอร์ท ห้องสัมมนา ห้องอาหาร คค่ายมวยทำใก้ค่าบำรุงรักษา ค่าใช้จ่าย ค่าดูแลค่อนข้างสูง ก็เลยขอปิดสาขานั้นมาเปิดร้านใหม่ที่ซอยสุขุมวิท 49”

ด้วยทำเลของซอยสุขุมวิท 49 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติพักอาศัยและเป็นทางผ่าน คุณกิฟท์จึงปรับชื่อร้านเป็น 13 Coins” เพื่อให้เข้าใจง่าย แต่สำหรับคนไทยก็ยังเรียกร้านนี้ว่า 13 เหรียญ’ น้อยคนนักที่จะออกเสียง ‘เธอทีน คอยน์ส’

13 Coins ยังคงให้บริการอาหารซิกเนเจอร์ของ 13 เหรียญ’ มีเพียงเมนูเดียวที่ไม่ใช่สูตรของคุณสมชาย และมีเฉพาะสาขานี้สาขาเดียว นั่นก็คือ ข้าวผัดกะเพราไก่อลาสก้า เป็นการผัดกะเพราแบบข้าวคลุก เสิร์ฟกับไข่ดาวและไก่อลาสก้าหั่นชิ้น จัดให้สำหรับคนอยากกิน ผัดกะเพรา เป็นเมนูที่เริ่มมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่นี่ก็มีให้ชิม

คุณกิฟท์กล่าวว่า คุณพ่อคิดรายการอาหารไว้กว่า 300 เมนู ระหว่างเดินทางอยู่บนเครื่องบิน คิดเมนูออก ก็จดใส่กระดาษ พอกลับมาถึงร้านก็ลองทำ เมนูส่วนใหญ่ยังคงมีให้บริการที่สาขางามวงศ์วานและบางใหญ่ ส่วนสาขาที่ซอยสุขุมวิท 49 มีเฉพาะซิกเนเจอร์เมนูที่ดูจากสถิติแล้วว่าลูกค้านิยมสั่งมากที่สุด

ร้าน “13 Coins หรือ 13 เหรียญโฉมใหม่ เปิดบริการครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2564 ด้านหน้ากรุกระจกใสขนาดใหญ่รับแสงธรรมชาติ ตัวร้านทั้งภายนอกปรับเปลี่ยนใหม่หมด ภายในทาสีเขียว ผนังชั้นล่างวาดเป็นลวดลายพันธุ์ไม้และดอกไม้

เมื่อขึ้นบันไดไปชั้นสอง จะพบผนังที่ประดับภาพถ่ายในอดีตของคุณสมชายตั้งแต่วัยเด็ก ช่วงเวลาเผชิญโชคในประเทศสหรัฐอเมริกา ร้าน 13 เหรียญ สาขาแรก และค่ายมวย

เดินต่อเข้าไปเป็นส่วนที่นั่งรับประทานอาหาร โอบล้อมด้วยผนังลายเส้นสีเขียวสลับขาว เพดานตกแต่งด้วยผลมะนาวเหลืองจำลองเหมือนยกไร่มะนาวเหลืองไว้บนเพดาน

กล่าวได้ว่าดีไซน์ของร้านพลิกโฉมไปจาก 13 เหรียญ ในอดีตอย่างสิ้นเชิง จนเกิดดราม่าเบาๆ บนโลกโซเชียลมีเดีย

“ร้านมืด เหม็นอับ น่าเบื่อ ผ่านมา 30 ปี ฉันโตแล้วร้านยังไม่พัฒนา ดูเชยมาก โบราณ พอเปลี่ยนปุ๊บ ดีอยู่แล้ว ทำไมเปลี่ยนล่ะ ทำไมไม่มืดๆ เหมือนเดิม เราก็รู้แล้วล่ะนานาจิตตัง” คุณกิฟท์เล่าจากการอ่านคอมเมนต์ในโลกโซเชียลมีเดีย

ร้าน 13 เหรียญ ในอดีตตกแต่งสไตล์คาวบอย คันทรีแบบบตะวันตก เน้นลายสก็อตสีแดง อิฐก้อนโตๆ งานไม้สีเข้ม ซึ่งเป็นความแปลกใหม่ของพ.ศ.2519

“ที่สุขุมวิท 49 เป็นเหมือนร้านทดลองของกิฟท์ด้วยค่ะ ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครให้ถาม เมื่อก่อนร้านเป็นสไตล์สีแดง กิฟท์ลองใช้คู่สีตรงข้าม คือสีเขียว เพิ่มลายดอกไม้ให้ดูสดชื่น เพิ่มแสงให้สว่าง เด็กรุ่นใหม่เห็นแล้วอยากชวนเพื่อนมาถ่ายรูป มานั่งเม้ามอย

แถวนี้ชาวต่างชาติเยอะ คนญี่ปุ่น คนจีน เราก็ได้ลูกค้าใหม่ๆ เยอะนะคะ เดินผ่านแถวนี้เขาก็มาแวะมากินกาแฟกินของว่าง กินมื้อเร็วๆ กินสปาเก็ตตีซอสเนื้อกับกาแฟหนึ่งแก้ว แล้วก็ไป อย่างนี้ก็เจอเยอะค่ะ

ส่วนลูกค้าดั้งเดิมมารำลึกอดีตก็เยอะ แต่กลายเป็นว่าชั้นสอง โต๊ะไหนหลอดไฟขาด ไฟดับ มืดๆ จะแย่งกันนั่งโต๊ะนั้น จนบางทีเราไม่กล้าจะเปลี่ยนหลอดไฟให้ใหม่”

สูตรอาหารต่างๆ ของ 13 เหรียญ’ และ 13 Coins” ก็ยังเป็นสูตรดั้งเดิมของคุณพ่อ คิดว่ารสชาติ 95% ไม่เพี้ยนไปจากสมัยคุณพ่อเปิดร้านแรกๆ พ่อครัวที่ทำอาหารทุกวันนี้ก็บุกเบิกทำกันมากับคุณพ่อ เป็นพ่อครัวทีมเดิม กระจายอยู่ทั้งสามสาขา บางคนก็อายุ 60 ปีแล้ว

“ลูกค้าบางท่านบอกรสชาติไม่เหมือนเดิม อาจเป็นเพราะเราโตขึ้นหรือเปล่า อาจไม่ใช่รสชาติที่เราเคยชอบแล้วหรือเปล่า บางท่านอาจไม่ชอบไก่ทอดโปะชีสแล้ว แต่ชอบกินอาหารสุขภาพมากกว่า อาหารเราก็อาจไม่ตอบโจทย์แล้วก็ได้นะคะ”

ในเรื่องความอร่อยของอาหารร้าน ’13 Coins’ หรือ 13 เหรียญ คุณกิฟท์กล่าวตรงไปตรงมาว่า  “เราไม่ใช่อาหารที่อร่อยที่สุดนะคะ 13 เหรียญ’ ก็คืออาหารธรรมดา แต่เป็นอาหารในความทรงจำของแต่ละครอบครัวเท่านั้นเอง

มีลูกค้าเยอะนะคะที่พาพ่อแม่อายุ 70-80 มารับประทาน พ่อแม่เป็นอัลไซเมอร์ แต่ชอบกินอาหารร้านเรามาก เขาก็อยากพาท่านมารำลึกความหลัง

ร้าน 13 Coins  (13 เหรียญโฉมใหม่)

* พิกัด : ตั้งอยู่ภายในโครงการ The Racquet Club สุขุมวิท ซอย 49 (แยก 11) มีที่จอดรถ และเข้าได้จากสุขุมวิทซอย 39

* เปิดบริการ ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

* โทร.06 1542 4569


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

“Cheals Bar”…บาร์ rooftop เปิดใหม่ มู้ดดี สนุกอารมณ์ ปักหมุดที่แฮงค์เอาท์ใหม่ ณ ซอยอารีย์

L-Seven Café & Bar… บาร์ลับ ๆ ย่านนานา

❤️THE DAY OF JIN & Shutt ❤️ ขาร็อคก็หวานเป็น❤️ชัช บอดี้แสลม