'Bull & Bear’ ไฟน์ไดนิ่ง….สเต็กเฮาส์ สไตล์ ‘นิวยอร์ก’

Bull & Bear อยู่บนชั้น 55 โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ มองเห็นทิวทัศน์มุมสูงของกรุงเทพมหานคร ภายใต้บรรยากาศห้องอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง 

ล่าสุดได้ปรับเมนูอะลาคาร์ท พร้อมแนะนำอาหารจานใหม่ ที่หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารฯ เชฟจิ๋ว หรือ  หทัยรัตน์ อุระพันธมาศ รังสรรค์ขึ้นจากความทรงจำ เนื่องจากเธอมีความประทับใจในการเดินทางท่องเที่ยว เคยผ่านรสชาติ อร่อยโดดเด่น จากวัตถุดิบพรีเมี่ยม ที่เป็นไฮไลท์ประจำท้องถิ่น จึงนำมารังสรรค์เมนูใหม่เสิร์ฟแล้ววันนี้ ทั้งอาหารมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ
“สเต็กเฮาส์ ที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก นิวยอร์ก เน้นความเข้มข้น จุดสัมผัสข้างนอกของเนื้อสเต็กจะมีความกรอบ เน้นในเรืองของการใช้ไฟ เป็นชาร์โคลกริลล์ที่ใช้เตาถ่าน เนื้อข้างนอกเข้มอาจจะดูดำๆ หน่อย

ไฟน์ไดนิ่ง หรูหรา พรีเมียม เสิร์ฟ สเต็กสไตล์นิวยอร์ก มีวาไรตี้ของเนื้อให้เลือก อาทิ เนื้อวัวแบล็คแองกัส (Black Angus) ลีนๆไม่มีไขมันแทรกเยอะ มีทั้งเนื้อวากิวสายพันธุ์แท้ จากออสเตรเลีย กับสายพันธุ์ผสม เนื้อวากิวญี่ปุ่นให้เลือก อร่อย ตามใจ
“นอกจากเนื้อแล้ว ซีฟู้ด ที่นี่ก็เด่น วัตถุดิบดี สดใหม่ปรุงออกมาเข้มข้นถึงใจ จิ๋วรู้สึกว่าอาหารฝรั่งแบบคลาสสิคก็อร่อย ทำให้เราได้แรงบันดาลใจ แต่คนไทยอย่างเราชอบรสจัดๆ  ก็เลยทำอาหารออกมาเน้นที่ซอสเข้มข้น น่าจะถูกปากคนไทย และช่วงคริสต์มาส ไปจนถึงปีใหม่ ก็จะมีเมนูพิเศษออกมาขายเฉพาะ 2 เดือน ก็คือธันวาคม กับมกราคมด้วยค่ะ” เชฟจิ๋วกล่าว

แนะนำเมนูใหม่ ห้องอาหารบูล แอนด์ แบร์ (Bull & Bear)  อาทิ อาทิ Toothfish  หรือ ปลาหิมะ ซอสพิเศษจาก เชฟจิ๋ว ได้ลิ้มรสซอสเคลือบบางๆแต่เข้มข้น อร่อย ถูกใจเลยทีเดียว เชฟจิ๋วเล่าว่า เธอพิถีพิถันในการทำซอส ซีฟู้ด ปลา หมู จะมีซอสต่างกัน

อย่างเช่น ปลา ซอสต้องเคลือบด้านนอกมีความกรุบกรอบ ด้านในยังคงชูความสดหวานของเนื้อปลา ส่วนหมู มีรสชาติเข้มข้นกว่าปลา ตัวซอสก็ต้องเข้มข้นไปด้วย  เชฟมีการสกัดกาแฟเอสเพรสโซผสมผสานในตัวซอส เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมมีเอกลักษณ์
ส่วน ปลากะพงฝรั่งเศส เชฟเน้นรสชาติวัตถุดิบ ยึดแบบแผนที่ศึกษาจากตำราเชฟยุโรป เป็นแนวเมดิเตอร์เรเนียน ที่เชฟจิ๋วสั่งสมประสบการณ์ และมีความรู้เรื่องวัตถุดิบ

ปลากะพงฝรั่งเศส  เฟรนช์ ลูพ เดอ แมร์ (French Loup De Mer)  เนื้อแน่น ไขมันสูงกว่าปลากะพงบ้านเรา เสิร์ฟพร้อมแอนโชวี่ขาว แพนเชตต้า (เบคอนสไตล์อิตาเลี่ยน) และซอสครีมถั่วลันเตา กรอบ เนื้อลีนชุ่มฉ่ำ

นอกจากนั้นยังมีเมนูไฮไลท์ อาทิ ทูน่า ทาทากิ เสิร์ฟพร้อมซอส และแครกเกอร์สาหร่ายญี่ปุ่น พร้อมไข่ปลา  คาเวียร์จากแบรนด์ Avruga  และ

ราวิโอลีเป็ดรมควันครีมเห็ดพอร์ชินี  เสิร์ฟพร้อมผักเคลทอดกรอบ อินทผาลัม และซอสสูตรพิเศษ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีเมนู อร่อย ตลอดกาลห้ามพลาดอย่าง

Celeriac Soup เป็นรากของเซเลอรี่ โรยหน้าด้วยเฮเซิลนัท กับขนมปังกรอบ ยังมีรากเป็นเส้นๆของเซเลอรี่ การันตีความเป็นของแท้อีกด้วย
เมนู Truffle Mac & Cheese เพื่อนร่วมโต๊ะชื่นชอบมาก  อีกเมนูที่ หมูหวานชวนชิม ไม่อยากพลาดก็คือ Sustainable Lobster Themidor จานนี้มี Cruyere Cheese เพิ่มความอร่อย เป็นล็อบสเตอร์จากประมงยั่งยืน  ตัวไม่โตมากหนักประมาณ 500-600 กรัม

อิ่มแล้วอย่าลืมจบสวยๆ ด้วยขนมหวาน คราวนี้ลองชิม Madong Chocolate Mousse กับ Strawberry Short Cake จิบชากาแฟส่งท้ายมื้อเที่ยงแสนอร่อย ต้องบอกว่า

ห้องอาหาร Bull & Bear  เหมาะทั้งอาหารมื้อเที่ยงมองเห็นทิวทัศน์กรุงเทพมหานครสวยงามสุดลูกตา มื้อค่ำแสนโรแมนติก มองเห็นแสงไฟกรุงเทพฯในยามราตรี ดีต่อกายและใจ  
พิกัด : โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ  
เปิดให้บริการทุกวัน 
มื้อกลางวัน ระหว่างเวลา 11.30 น. – 14.30 น. 
มื้อค่ำ ระหว่างเวลา 17.30 น. – 22.00 น. 
Tel. 02-846-8888 
E-mail : bkkwa.fb@waldorfastoria.com 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เปิดใจ “ไอซ์ ปรีชญา” นิวเวอร์ชั่น! ปลดล็อกภาพนางเอก “เมร่อน” เปลี่ยนชีวิต!!

เมธาวลัย ศรแดง…อาหารไทยต้นตำรับของนักชิม

ภาพจริงในวันนี้....จากแหล่งโสเภณีในละคร "บางกอกคณิกา"