ย้อนรอยฮวงจุ้ย ทำเนียบฯ วิถีมูฯ ความเชื่อ ‘ผู้นำ’


ความเหมือนของผู้นำประเทศหลายคน ที่มีความเชื่อในทำนองนี้ ในวันที่ครองอำนาจ ท่ามกลางแรงปะทะและแรงกดดันทางการเมือง จนบางครั้งก็อาจจะรู้สึกมืดแปดด้านไปชั่วขณะ ต่างก็ต้องการที่พึ่งทางใจ เพื่อหวังจะนำพาตัวเอง และรัฐบาลไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง

เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ก็มักถูกปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ หรือฮวงจุ้ยต่างๆ เพื่อให้สิ่งดีๆ หนุนผู้นำ

การปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล ศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดิน เกิดขึ้นแทบทุกยุคทุกสมัย

นอกจากจะถูกใช้เป็นสถานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีแล้ว ยังมีสำนักงานของหน่วยงานต่างๆ ตั้งอยู่ในรั้วของทำเนียบฯ ด้วยเช่นกัน

ที่สำคัญทำเนียบรัฐบาล ยังถูกใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง จึงต้องมีการปรับปรุงพื้นที่ ปรับภูมิทัศน์โดยรอบ และอาคารสำคัญต่างๆ ตามวงรอบ หรือความเหมาะสม ให้อยู่ในสภาพที่พร้อม เพื่อเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับประเทศ

สิ่งที่เห็นชัดเจนที่สุดเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลหรือผู้นำประเทศ ก็มักมีการปรับภูมิทัศน์ตามความเชื่อในเรื่อง “ฮวงจุ้ย” อยู่เสมอ เช่น ยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการตั้งอ่างบัวตามจุดต่างๆ เสริมสิริมงคล หรือการนำองค์นรสิงห์มาตั้งบนตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย จนมารัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน จึงได้นำออกไป

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำเนียบรัฐบาลเปลี่ยนโฉมหน้า อาจจะมากที่สุดในยุค พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีดำริให้ก่อสร้างตึกภักดีบดินทร์ ด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า มีการให้ซินแสมาวางฮวงจุ้ยเป็นกิจจะลักษณะ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ มีความเชื่อในศาสตร์นี้ค่อนข้างมาก

นอกจากนั้น ยังสร้างโครงครอบตึกบัญชาการ 1 และ 2 เพื่อให้กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมแบบนีโอเวเนเชียนกอติก ของตึกไทยคู่ฟ้าอีกด้วย

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” คือการย้ายศาลพระภูมิ จากเดิมที่ตั้งอยู่หลังตึกสันติไมตรี มาไว้บริเวณด้านหน้ารังนกกระจอก หรือห้องทำงานสื่อมวลชน ซึ่งอยู่จนถึงปัจจุบัน

ผู้นำหลายคนมีความเชื่อในโชคลาง ฤกษ์งามยามดี โดยเฉพาะฮวงจุ้ย ปรับทิศทางห้องทำงาน ปรับภูมิทัศน์ นำต้นไม้มงคลมาเสริม เป็นต้น เรียกว่าเป็นสีสันมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว

ในยุคนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยมีการนำลูกแก้วมาวางในจุดต่างๆ ในตึกไทยคู่ฟ้า นำไม้บรรทัดสีทองมาติดเหนือประตูทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้า และยังนำเหรียญแบบจีน วางลบเหลี่ยมมุมที่จะทิ่มแทงรัฐบาล

ครั้งหนึ่งในยุคนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีการปรับทิศทางของปืนใหญ่ ซึ่งมีอยู่ 1 กระบอก หันเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ได้ปรับให้หันออกไปด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าแทน

หรือสมัย พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีการขัดปืนใหญ่ทั้ง 9 กระบอก ด้วยน้ำมันขี้โล้จนดำเงา อาจมีความเชื่อเพื่อให้ดูทรงพลัง หรือการติดตั้งโคมแดงแบบจีนริมรั้วและหน้าประตูทำเนียบฯ ในเทศกาลตรุษจีน เพื่อเสริมสิริมงคล

นายกฯเศรษฐา เอง ก็ถือฤกษ์ยามไม่ต่างกัน การสั่งปรับปรุงห้องบนตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อใช้เป็นห้องนอน ก็ยึดฤกษ์ยาม ทำตามที่ซินแสแนะนำ

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนไทย ที่มักมีความเชื่อในสิ่งเหล่านี้ แต่สำหรับผู้นำประเทศ ย่อมได้รับความสนใจเป็นธรรมดา

และสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะเป็นนายกฯ ที่มีสีสันมากที่สุดคนหนึ่ง เจ้าตัวเคยเปิดเสื้อโชว์พระที่แขวนห้อยคอพวงใหญ่ สวมแหวนพระ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือต่างๆ ที่มีความหมายในเชิงความเชื่อทั้งสิ้น

สมัยลุงตู่ยังเป็นนายกฯ ในห้องทำงานมีโต๊ะหมู่บูชา 3 ชุดใหญ่ ทั้งพระพุทธรูป เทพเจ้าต่างๆ และบูรพกษัตริย์ ซึ่งแตกต่างจากนายกฯ คนอื่นๆ ที่มีโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูปเพียงอย่างเดียว

ไม่เว้นแม้แต่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตถึงความเชื่อเรื่องตัวเลข ถูกโฉลกกับเลข 14 หรือไม่ เพราะวันก่อตั้งพรรคไทยรักไทย 14 ก.ค.41, กลับมาพักรักษาตัวระหว่างรับโทษ ก็อยู่บนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และหลังได้รับการพักโทษ ก็เตรียมเดินทางไปเชียงใหม่ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ โดยช่วงเช้าจะไปสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ก่อนบินกลับบ้านเกิด เพื่อทำบุญและเคารพสถูปบรรจุอัฐิบรรพบุรุษ

ความเหมือนของผู้นำประเทศหลายคน ที่มีความเชื่อในทำนองนี้ ในวันที่ครองอำนาจ ท่ามกลางแรงปะทะ และแรงกดดันทางการเมือง จนบางครั้งก็อาจจะรู้สึกมืดแปดด้านไปชั่วขณะ ต่างก็ต้องการที่พึ่งทางใจ เพื่อหวังจะนำพาตัวเอง และรัฐบาลไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

“Cheals Bar”…บาร์ rooftop เปิดใหม่ มู้ดดี สนุกอารมณ์ ปักหมุดที่แฮงค์เอาท์ใหม่ ณ ซอยอารีย์

L-Seven Café & Bar… บาร์ลับ ๆ ย่านนานา

บาร์น้องใหม่สุดคูล “SEE You Ekkamai”