ร้านศรณ์ อาหารไทยปักษ์ใต้ 2 ดาวมิชลิน 5 ปีซ้อน
ร้านศรณ์ อาหารไทยปักษ์ใต้ โดดเด่นทั้งความอร่อยและไม่เหมือนใคร เพราะเชฟไอซ์มองว่า อาหารคืองานศิลปะ จึงเป็นที่มาของ 2 ดาวมิชลิน 5 ปีซ้อน
หลังจากเล่าเรื่องอาหารและร้านอาหารของประเทศต่างๆ ไปแล้ว 7 เมืองใน 3 ประเทศ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เดนมาร์ก เรากลับมาหาอาหารไทยกันบ้าง เพราะคนไทยอย่างเรา ต่อให้ได้ชิมและชอบอาหารของชาติไหนๆ ในโลก สุดท้ายอาหารไทยก็คือที่สุดในใจ คือ Comfort food ของเราอยู่ดี
แต่ใช่ว่าอาหารไทยจะจัดในรูปแบบไฟน์ไดนิ่งหรือเทสติงเมนูไม่ได้กลับเป็นประสบการณ์ใหม่ในการนำเสนอและทานอาหารไทยที่น่าสนใจ และร้านที่ทำให้เรารู้สึกอย่างนั้นคือ “ศรณ์” (Sorn)
ซึ่งก่อนหน้านั้นในปี
2562 ร้านศรณ์ได้รับดาวมิชลิน 1 ดวง หลังเปิดร้านได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น
เหมือนเกิดมาเพื่อคว้าดาวโดยเฉพาะ แต่เจ้าของร้านบอกว่า
เขาไม่ได้คิดถึงจุดที่จะคว้าดาว เพียงแค่ตั้งใจที่จะทำอาหารให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง
เชฟไอซ์
ศุภักษร จงศิริ เจ้าของร้านศรณ์ มีประสบการณ์ด้านร้านอาหารมานานจาก “บ้านไอซ์”
ร้านอาหารใต้ของครอบครัว ที่จนถึงวันนี้เปิดมากว่า 30 ปีแล้ว “ศรณ์”
คือพื้นที่เติมเต็มความฝันเกี่ยวกับการทำอาหารของเขา เชฟไอซ์มองว่า
อาหารคืองานศิลปะ และเขาอยากใช้เวลาในการทำอาหารอย่างที่ควรเป็น
ด้วยวิธีการแบบต้นตำรับ ได้รสชาติและวัฒนธรรมของท้องถิ่น เชฟไอซ์เป็นคนนครศรีธรรมราช เขาก็อยากให้คนได้ทานอาหารใต้แบบแท้ๆ และต้องการยกระดับอาหารท้องถิ่นให้สะดุดตา ซึ่งก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ เพราะศรณ์เป็นร้านอาหารใต้ร้านเดียวที่ไปได้ถึง 2 ดาวมิชลิน
ที่ร้านศรณ์สามารถอธิบายถึงต้นทางที่มาของวัตถุดิบได้ทุกชนิด
ที่นี่โขลกพริกแกงทุกอย่างเองด้วยสากและครก หุงข้าวในหม้อดินด้วยน้ำแร่จากระนอง
:: คอร์สอาหารร้าน’ศรณ์’ ::
อาหารที่ศรณ์เสิร์ฟเป็นคอร์ส
ไม่ได้มีรายการอาหารให้เลือก แต่ถ้าไม่ทานเนื้อวัวหรือแพ้อาหารอะไร
เชฟจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นให้ (แต่ถ้าแพ้อาหารทะเล ก็อาจจะลำบากหน่อย)
เป็นที่รู้กันว่ารสชาติอาหารใต้ของแท้คือ เผ็ดมาก
ถ้าทานเผ็ดมากๆ
ไม่ได้ เชฟก็จะปรับลดความเผ็ดลงให้ แต่ยังคงความเผ็ดอยู่
เพื่อไม่ให้เสียเอกลักษณ์อาหารใต้ ซึ่งความจริงแล้ว อาหารแต่ละคำที่เสิร์ฟคือ
เขาคิดมาให้แล้วว่าให้ทานคู่กันหรือต่อกัน
เพื่อช่วยลดความเผ็ดหรือส่งรสชาติกันได้พอดี
·
Amuse Bouche หรือโหมโรง คล้ายๆ อาหารเรียกน้ำย่อย เป็นอาหารคำเล็กๆ
เพื่อเปิดต่อมรับรสให้อาหารจานถัดๆ ไป จัดมาอย่างละคำ มีหลายอย่างมาก เช่น
น้ำพริกกาหยู คุดคัดเคยหรือมังคุดคัดที่แต้มหน้าด้วยน้ำพริก ฝรั่งไส้แดง
จักจั่นทอดใบเล็บครุฑ
และอีกหลายอย่าง ซึ่งอาจไม่ซ้ำกันในแต่ละครั้งที่มาทานขึ้นอยู่กับของสดในวันนั้น ล้างรสด้วยไอติมดอกดาหลา แล้วจึงเป็นพระเอกของชุดโหมโรงที่ต้องมีทุกครั้งคือ “กรรชูเปียง” หรือกรรเชียงปูกับน้ำพริกไข่ปู ตามด้วยน้ำซุปมะพร้าว เพื่อลดความเผ็ดของน้ำพริก…น้ำแกงถ้วยนี้แปลกมาก และอร่อยมากด้วย
·
ข้าวยำ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอาหารใต้ ก็จัดมาเป็นคำน้อยๆ
เช่นกัน ตามด้วยโรตีแกงเนื้อ แล้วจึงเริ่มรายการหลัก คือเสิร์ฟข้าวสวย
เป็นข้าวหอมราชินีจากสงขลา พร้อมสำรับเครื่องเคียง เช่น ปลาวง หมูหวาน
น้ำพริกกุ้งเสียบ ฯลฯ
จานเครื่องเคียง สั่งผลิตพิเศษเป็นรูปฝักสะตอ
รูปร่างโค้งรับกับจานข้าวพอดี
ส่วนกับข้าวจัดมาเป็นจานกลางแบ่งกันทานตามวิถีอาหารไทย มีภูเก็ตล็อบสเตอร์
แกงเขียวหวานพริกแกงใต้ สะตองานวัด ผัดถั่วปลาดุกร้า แกงจืดเห็ดโคนย่าง เป็นต้น
·
ปิดท้ายด้วยของหวานซึ่งเป็นชุดใหญ่เช่นกัน มีทั้งสาคูเปียกลำไย
ไอศกรีม ผลไม้กระป๋อง...ใช่ ผลไม้กระป๋อง
คือเป็นผลไม้สดแต่ใช้กระป๋องเสิร์ฟเป็นลูกเล่นเท่านั้น
แล้วก็เป็นชาหรือกาแฟ แต่ยังไม่หมดเท่านั้น มีชุดของหวานเซอร์ไพรส์อีก
8 คำ เช่น ขนมครก ตะโก้ กาละแมกวนสด ฯลฯ แล้วปิดท้ายจริงๆ
เป็นแยมและเนยกาหยูกระปุกเล็กๆ น่ารัก ทำสดใหม่
ให้เป็นของขวัญของที่ระลึกให้นำกลับบ้าน
รายการอาหารที่เอ่ยไปข้างต้น
นี่คือไม่ใช่ทั้งหมด อาหารที่เสิร์ฟนั้นมีมากกว่า 20 อย่าง
พร้อมคำอธิบายจากพนักงานก่อนเสิร์ฟทุกจานอย่างละเอียดยิบ (จนเราจำได้ไม่หมด)
อาหารทุกจานมีที่มาของวัตถุดิบ
มีรายละเอียด มีวิธีการทานให้อร่อย นำเสนอในแบบที่สร้างสรรค์ แปลกใหม่
ด้วยรสชาติที่เป็นไทยเหมือนเดิม
เราว่าวิธีการเสิร์ฟอาหารของศรณ์
น่าสนใจและแสดงให้เห็นว่า อาหารไทยประยุกต์ได้หลากหลาย
แม้จะจัดเป็นคอร์สเป็นเทสติง เมนูให้อารมณ์เหมือนอาหารฝรั่ง
แต่เมื่อถึงเมนคอร์ส ก็ยังเป็นการทานกันแบบไทยๆ แชร์กับข้าวกัน ซึ่งเป็นการผสมผสานได้อย่างลงตัว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ศรณ์ได้ดาวมิชลินมา
6-7 ปีซ้อน ไม่นับรวมรางวัลจากสถาบันอื่นๆ
และได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารที่จองยากที่สุดร้านหนึ่งของไทยในเวลานี้
เขาเปิดให้จองเดือนละหนึ่งครั้ง โดยจะแจ้งล่วงหน้าที่เว็บไซต์ อินสตาแกรม
หรือหน้าเพจเฟซบุ๊กของร้าน https://sornfinesouthern.com
นอกจากรสชาติอาหาร การนำเสนอ หรือบริการที่น่าประทับใจแล้ว สิ่งที่เราชอบที่สุดของที่นี่คือ การเลือกวัตถุดิบที่มาจากท้องถิ่น เป็นของดีของชุมชนของชาวบ้านในท้องที่จริงๆ รวมถึงการใช้เทคนิคโบราณหลายอย่างในการทำอาหาร เราว่ามันเป็นความน่ารัก และทำให้รักอาหารไทยยิ่งขึ้นไปอีก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น