ปัญหาลิขสิทธิ์เพลง "ก่อนตาย" ทำให้ BIG ASS ต้องตกอยู่ใน "ห้องขัง" เคสย้ายค่ายจากมิวสิค บั๊ค มาสังกัดจินนี่ เรคคอร์ด
จากอดีตถึงปัจจุบัน มีสำนวนมากมายที่เปรียบเทียบถึงการต้องไปเกี่ยวข้องกับคดีความว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปเกี่ยวข้องด้วยในชีวิต
.
แต่มีวงดนตรีวงหนึ่ง กลับต้องไปมีคดีความโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งที่กินเวลายาวนานกว่าสองปี ต้องไปขึ้น สน. กว่า 30 แห่งทั่วประเทศ จากเพลง “ก่อนตาย” ที่ทำให้วง Big Ass ต้องไปใช้ชีวิตอยู่หลังกรงขังจากผลงานที่พวกเขาสร้างสรรค์กันขึ้นมาเอง
.
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 วง Big Ass มีกำหนดต้องไปแสดงคอนเสิร์ตที่งานเทศกาลเที่ยวทะเลหาดบ้านเพ เกาะเสม็ด จ.ระยอง
.
วันนั้น ในขณะที่สมาชิกวงกำลังรวมตัวกันขึ้นรถตู้ที่หน้าบ้านของ อ๊อฟ-พูนศักดิ์ จตุระบุล มือกีตาร์ของวง เพื่อเดินทางไปยังบ้านเพ ผู้จัดการวงก็ได้มาพูดคุยกับ กบ-ขจรเดช พรมรักษา มือกลองของวงว่า ทางแกรมมี่ต้นสังกัดได้แจ้งมาว่า ตอนนี้พวกเขาจะไม่สามารถเล่นเพลงเก่า ๆ ของ Big Ass ในยุคที่อยู่กับต้นสังกัดมิวสิค บั๊ค ก่อนหน้านี้นั้นได้แล้ว เพราะสัญญาที่ทั้งสองบริษัทเซ็นสัญญาทำข้อตกลงร่วมกันนั้นได้หมดอายุลงในเดือนตุลาคมที่เพิ่งผ่านมา
.
แต่ในลิสต์เพลงที่ กบ ได้ทำสคริปต์โชว์เอาไว้นั้น จะมีเพลง “ก่อนตาย” อยู่ในนั้นด้วย ซึ่งหลังจากที่ทราบเรื่อง มือกลองคนนี้ก็ตัดสินใจว่า จะยังคงเพลงดังกล่าวเอาไว้
.
ซึ่งเขาให้เหตุผลกับตัวเองสำหรับการตัดสินใจในครั้งนั้นเอาไว้ว่า “ก่อนตาย” นั้นเป็นเพลงสำคัญที่จะใช้เชื่อมโยงไปสู่เพลงอื่น ๆ ต่อ ๆ ไปตามสคริปต์ที่เขาวางเอาไว้
.
ขณะเดียวกันเขาก็คิดว่า การเล่นเพลงเก่าเพียงแค่เพลงเดียวไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะนั่นเป็นเพลงที่พวกเขาแต่งกันขึ้นมา แล้วเขาเองก็มีความสนิทสนมกับต้นสังกัดเดิมชองเขาเป็นอย่างดี กบเพื่อน ๆ ว่า ช่างมันเล่นไปเถอะ
.
โดยเขาไม่เคยคิดเลยว่า คำกล่าวนั้นจะกลายเป็นสิ่งที่เขาต้องแบกรับกับตัวเองตั้งแต่นั้นมา
เวลาผ่านมา
.
จนถึงวันที่ 20 มีนาคมของปีต่อมา ในระหว่างที่ กบ ขับรถผ่านป้อมยามของหมู่บ้าน แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้เรียกเขาว่า มีจดหมายส่งมาถึงเขา ซึ่งหลังจากที่ กบ รับมาก็พบว่า นั่นคือ หมายเรียกจาก สน.อ.บ้านเพ
.
วินาทีนั้นหัวใจของมือกลองคนนี้แทบจะหล่นวูบลง พร้อมกับรับรู้แน่แล้วว่า อีกฝ่ายหนึ่งเอาจริง ก่อนหน้าที่เขาจะรีบเช็กกับสมาชิกคนอื่น ๆ ก็พบว่าทุกคนได้หมายเรียกเหมือนกันหมด
.
แม้ว่าฝ่าย Big Ass จะยังคิดในแง่ดีว่าเรื่องไม่น่าจะรุนแรงอะไร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ เริ่มมีหมายศาลส่งมาถี่ขึ้น จากหลากหลาย สน. ทั่วประเทศ
.
ซึ่งการได้รับหมายเรียกแต่ละครั้งหมายความว่า สมาชิกวงทั้ง 5 คนคือ กบ, อ๊อฟ, หมู-อภิชาติ พรมรักษา มือกีตาร์, โอ๊ค-นายพงษ์พันธ์ พลสิทธิ์ มือเบส และ เจ๋ง-เดชา โคนาโล นักร้องนำนั้นจะต้องเดินทางไปรายงานตัวที่ สน. ซึ่งออกหมายเรียกมาภายในวันและเวลาที่กำหนด และหากพวกเขาไม่ได้ไปรายงานตัวตามกำหนด จากหมายเรียก ก็จะกลายเป็นหมายจับ
.
ด้วยเหตุนั้น แม้พวกเขามีคิวต้องแสดงคอนเสิร์ตแน่นทุกวัน แต่ก็จำเป็นต้องเดินทางไปตามหมายเรียกอย่างที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยง
.
เมื่อไปถึง สน. สมาชิกวงทั้ง 5 คนต่างก็ต้องเข้ารับการสอบสวน และเข้าไปพิมพ์ลายนิ้วมือทีละคนจนครบทุกคน เป็นเช่นนั้นทุกครั้งจากทุกหมายเรียก แต่ก็มีหลายครั้งที่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น
.
อย่างคราวที่ Big Ass ต้องไป สน. ของอ.ลี้ จ.ลำพูน ซึ่งสมาชิกวงต้องเดินทางด้วยเครื่องบินไปลงสนามบินเชียงใหม่ และต้องนั่งรถตู้ต่อไปอีกนานนับชั่วโมงเพื่อรายงานตัว เพื่อที่จะพบกับเหตุไม่คาดฝัน หลังจากเดินทางกลับมาถึง กรุงเทพฯ แล้ว และเอกสารการรายงานตัวของพวกเขาถูกตีกลับมา เพราะพิมพ์ลายนิ้วมือไม่ชัด ต้องไปทำการพิมพ์ลายมือใหม่ที่ สน.อ.ลี้อีกครั้ง
.
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยระบบบันทึกของทางราชการในเวลานั้นที่ยังไม่เป็นแบบออนไลน์ จึงเกิดความคลาดเคลื่อนหรือล่าช้าในระบบข้อมูลในระหว่างพื้นที่
.
ครั้งหนึ่ง เมื่อ Big Ass ต้องไปแสดงที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง ก่อนขึ้นแสดงได้มีโทรศัพท์ติดต่อมาจากโรงพยาบาลว่า ภรรยาของ อ๊อฟ มือกีตาร์นั้นกําลังจะต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องไอซียู ขณะเดียวกันก็มีข่าวแจ้งมาว่า จะมีการส่งทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมพวกเขาที่นั่นด้วย
.
พวกเขาจึงตัดสินใจ หลังจากที่แสดงเรียบร้อยให้เรียกแท็กซี่ไปส่ง อ๊อฟ ที่โรงพยาบาลก่อนที่สมาชิกคนอื่น ๆ จะตามไปสมทบ แต่ถึงตอนนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล้อมบริเวณประตูทางเข้าออกของโรงเรียนเอาไว้หมดแล้ว ท่ามกลางความแตกตื่นของฝ่ายโรงเรียนเจ้าภาพ
.
ทีมงานคนหนึ่งจึงต้องขับรถลอบพาอ๊อฟฝ่าเจ้าหน้าที่ออกไป ส่วนสมาชิกคนอื่น ๆ นั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำการอยู่ กบ เป็นตัวแทนวงออกไปเจรจาขอดูหมายจับ เพื่อที่จะพบว่าเป็นหมายจับจาก สน. บ้านเพที่พวกเขาไปรายงานตัวมาเรียบร้อยแล้ว เรื่องราวจึงไม่ใหญ่โตไปกว่านั้น
.
แต่ก็ไม่ใช่ว่าโชคจะเข้าข้างพวกเขาเสมอไป เพราะมีหลายครั้งที่เรื่องราวบานปลายกว่าที่คิด จนทำให้ กบ รู้สึกผิดกับตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้
.
ไม่ว่าจะเป็นคราวที่ Big Ass ไปรายงานตัวที่ สน. เมืองพัทยา และต้องเข้าไปอยู่ในห้องขังครบทั้ง 5 คนเป็นเวลานานกว่าที่คิด เพราะกว่าที่ทนายที่มาดูแลพวกเขาจะจัดการหาเงินประกันจำนวน 5 แสนบาทมาพาพวกเขาออกมาให้ทันเวลา 4 โมงเย็นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องติดต่อเบิกเงินผ่านค่ายต้นสังกัดของพวกเขาที่กรุงเทพฯ ซึ่งต้องผ่านหลายกระบวนการ หรือคราวที่ สน. จังหวัดชลบุรี พวกเขาต้องเข้าไปรอในห้องขังร่วมกับนักโทษที่ถูกล่ามขาด้วยโซ่ตรวน
.
อย่างไรก็ตาม แม้ กบ จะรู้สึกเสียใจมากที่ตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เพื่อน ๆ ต้องมาพบกับสถานการณ์เลวร้ายอย่างที่กำลังเผชิญอยู่ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีเพื่อนคนไหนที่ซ้ำเติมมือกลองคนนี้หรือแสดงอาการหงุดหงิดออกมาให้เห็นเลย
.
ตรงข้ามทุกคนกลับพยายามหามุมบวกจากเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ เจ๋ง ซึ่งเพิ่งมาร่วมวงเป็นคนหลังสุดเป็นคนที่พยายามสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้เกิดขึ้น
.
จากวันนั้น กบ ก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้น และแม้ว่าในที่สุดพวกเขาจะสามารถผ่านพ้นคดีความมาได้ในอีกสองปีหลังจากนั้น แต่สิ่งที่พวกเขาได้กลับมามากที่สุดจากเรื่องนี้ ไม่ใช่โอกาสในการแสดงเพลงของตัวเองโดยไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดชื่อ “ลายนิ้วมือ” อัลบั้มชุดหลังสุดของ Big Ass จากเหตุการณ์ที่ทุกคนต้องพิมพ์ลายนิ้วมือตอนรายงานตัว รวมถึงการใช้ลายนิ้วมือของทั้ง 5 คนมารวมกันให้เป็นหนึ่งเดียวในงานอาร์ตเวิร์กด้วย
.
ดังเป็นการสะท้อนถึงบทพิสูจน์ที่ว่า Big Ass เป็นผลพวงแห่งมิตรภาพ ที่ยิ่งมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น จากการร่วมทุกข์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น
.
#ป๋าเต็ด #ชอบเรื่องนี้ #Bigass
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น